Pages

The diary of learning

สมุดบันทึกการเรียนรู้

Wednesday, April 15, 2009

ภาษาพาสูญ (Language Streamroller) ตอนที่ 1-3

ภาษาพาสูญ1 : ต้นกำเนิดภาษา
เครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยถ้อยคำจำนวนมาก เอามาผูกเรียงกันตามหลักไวยากรณ์ มีลักษณะซับซ้อนกว่าการสื่อสารของสัตว์ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เป็นตัวแปรสำคัญไม่ให้บรรพบุรุษสูญพันธุ์
สัตว์ในโลกมีการส่งเสียงสื่อสารกันอยู่แล้ว
สัตว์ที่สื่อสารกันเป็นภาษาได้นั้น จากซากฟอสซิล เราพบว่าต้องอาศัย หลอดเสียงที่ยาว และ พลังสมอง
โดยสันนิษฐานว่า50000กว่าปีก่อน หรือ200000กว่าปีก่อน แต่ยังขาดหลักฐานอีกมาก จึงยังไม่สามารถบอกถึงต้นกำเนิดของภาษาได้ชัดเจน พร้อมทั้งทำไมภาษาจึงเกิดขึ้นด้วย
แนวคิดหนึ่ง มนุษย์มีการหลอกลวงกันจึงต้องมีภาษาใช้สื่อสาร
แนวคิดอื่นๆ คือ มุนษย์ต้องอยู่เป็นกลุ่ม วิธีเข้าสังคม ตัวอย่างจาก ชิมแปนซีคือ การสางขน ต่อมา พอขนไม่มี สังคมกว้างขึ้น จึงต้องคิดภาษาขึ้นมาใช้
แนวคิดอื่นๆ คือ มนุษย์ ช่วงทารก จะอยู่กับแม่นานกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ การที่แม่พยายามจะสื่อสารกับทารก เป็นการกำเนิดของภาษา
สัปดาห์หน้า : เราเีรียนภาษากันได้อย่างไร

ภาษาพาสูญ2 : เราเีรียนภาษากันได้อย่างไร
ทารกจะจดจำภาษาได้ เช่น ทารกชาวสวีเดนจะเีรียนรู้ภาษาได้ตั้งแต่ไม่กี่สัปดาห์ และจะทำความคุ้นเคย เมื่อได้ยินเสียงภาษาอื่นก็จะเกิดปฏิกิริยาทันที
ในการพูดคุยกับทารก พ่อแม่มักพูดเสียงหลักๆเช่น อา อู อี พูดเสียงเนิบๆ ยาวๆ ทารกจะเกิดความคุ้นเคยกับภาษา ตั้งแต่ 3 เดือน และจะจดจำเสียงไว้ในสมอง แต่ยังเลียนเสียงเหล่านั้นไม่ได้ เพราะหลอดเสียงนั้นยังไม่พัฒนา ได้แต่ อาอาอุอูอี... พออายุ 12 เดือนเริ่มพูดได้เป็นคำ 18เดือน ก็พูดได้เป็นประโยคยาวๆ
สัปดาห์หน้า : ทำไมเราจึงเรียนรู้ภาษาอื่น ตอนโตได้ยากจัง

ภาษาพาสูญ3 : เรียนภาษาตอนโต
ในช่วงทารก เราจะคุ้นเคยกับภาษาของพ่อแม่ จากเสียงเนิบๆ ยาวๆ และจะจดจำได้
แต่ผู้ใหญ่ จะจำแค่ เสียงที่ตรงกับภาษาหลักๆของเราเอง ส่วนเด็กๆพร้อมจะรับรู้ทุกๆเสียง คือ ผู้ใหญ่จะสูญเสียทักษะนี้ไป และบางทีคิดว่า ตัวเองออกเสียงถูกแล้ว
การเรียนภาษาเกี่ยวข้องกับการทำงานของมันสมองบางส่วน ดูได้จากเครื่องสแกน ผู้ใหญ่นั้นจะทำงานต่างจะสมองของเด็ก ผู้ใหญ่จะใช้สมองจำอย่างเดียว ส่วนเด็กสามารถใช้สมองทำงานได้มากกว่านั้น
และ กรณีที่เด็กเรียนสองภาษา เด็กก็จะเก็บทักษะด้านภาษานั้นไว้ในสมองส่วนเดียวกัน ส่วนผู้ใหญ่ที่เรียนภาษาหนึ่งตอนเด็ก และอีกภาษาหนึ่งตอนโต จะเก็บความสามารถส่วนนี้ไว้ที่สมองคนละส่วนกัน

No comments: